You are here: Home » Featured » ยกเครื่อง’ศูนย์สิริกิติ์’ โฉมใหม่สุดอลังการเปิดปลายปี 65
ยกเครื่อง’ศูนย์สิริกิติ์’ โฉมใหม่สุดอลังการเปิดปลายปี 65

ใกล้จะปิดให้บริการในวันที่ 13 เมษายนนี้ สำหรับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อขยายการลงทุนใหม่ หลังเปิดให้บริการมากว่า 27 ปี นับจากที่ถูกสร้างขึ้นในเวลา 20 เดือน เพื่อรองรับการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศครั้งที่ 46 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2534 ซึ่งตอนนั้นมีผู้บริหารระดับสูงในแวดวงการเงินทั่วโลกกว่า 1 หมื่นคนจาก 154 ประเทศเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2534-2562 ศูนย์ประชุมแห่งนี้รองรับการจัดงานมาแล้วทั้งหมด 22,709 งาน และงานสุดท้ายคือ งาน Chest world Congress 2019 ซึ่งเป็นงานของสมาคมแพทย์โรคทรวงอกของประเทศสหรัฐอเมริการ่วมกับสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศ ไทย ที่จัดระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนนี้
ปิด 4 ปี ขยาย 1.8 แสนตร.ม.
หลังจากงานนี้ ศูนย์ฯสิริกิติ์ จะปิดให้บริการเป็นเวลา 4 ปี เพื่อปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์ประชุม นิทรรศการ และที่จอดรถ ตามแผนการลงทุนระยะที่ 3 ซึ่งมีการปรับสัญญาใหม่ มูลค่าการลงทุน 6 พัน-1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มีการ เพิ่มพื้นที่จากปัจจุบัน 6.5 หมื่นตารางเมตร เป็นไม่น้อยกว่า 1.8 แสนตารางเมตร เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจไมซ์ แทนการก่อสร้างโรงแรม 4-5 ดาว รวม 400 ห้อง ตามสัญญาเดิม เนื่องจากติดปัญหาข้อกฎหมาย จากการถูกจำกัดความสูงของอาคารไม่เกิน 23 เมตร ตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ก่อนจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงปลายปี 2565
ภายใต้การดำเนินการของบริษัทเอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (เอ็น.ซี.ซี.) บริษัทในเครือเสี่ยเจริญ (เจริญ สิริวัฒนภักดี) ที่ได้สิทธิเช่าดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์จากกรมธนารักษ์ ต่อไปอีกเป็นเวลา 50 ปี จากสัญญาเดิม 25 ปีแลกกับการที่กรมธนารักษ์จะได้ค่าธรรมเนียม 407 ล้านบาท และค่าเช่าตลอดสัญญาอีก 5 พัน ล้านบาท ทั้งระหว่างการก่อสร้างพนักงานกว่า 600 คน ก็จะกระจายไปทำงานอยู่ในธุรกิจต่างๆ ในเครือของเสี่ยเจริญ อย่างโครงการล่าสุดสามย่านมิตรทาวน์
จับตาการแข่งขันรุนแรง
อย่างไรก็ตามการเผยโฉมใหม่ในอีก 4 ปีข้างหน้า แน่นอนว่าในภาพรวมจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย แต่ก็นำมาซึ่งการแข่งขันในธุรกิจศูนย์ประชุมที่จะต่อสู้กันรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
เพราะหลังการลงทุนที่เกิดขึ้นจะทำให้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีพื้นที่ศูนย์ประชุมเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 1.8 แสนตร.ม. ซึ่งอาจจะมากกว่าหรือใกล้เคียงกับศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีพื้นที่จัดงานใน ร่มมากกว่า 1.4 แสนตร.ม. และหากรวมการจัดงานกลางแจ้ง ก็อยู่ที่ราว 1.7 แสนตร.ม. ตามมาด้วยศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่มีพื้นที่จัดงาน 5 หมื่น ตร.ม. รอยัลพารากอนฮอลล์ 1.2 หมื่นตร.ม.
อีกทั้งด้วยทำเลของศูนย์ฯสิริกิติ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ทำให้ได้เปรียบในเรื่องของโลเคชั่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้สำหรับการจัดงานที่ต้องการผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก
นำเอกลักษณ์ไปอยู่ในโฉมใหม่
ไม่เพียงพื้นที่การจัดงานที่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ศูนย์สิริกิติ์โฉมใหม่ ก็จะยังคงเก็บศิลปวัฒนธรรมไทยผ่านรูปทรงทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านผลงานศิลปะ ของศูนย์ประชุมแห่งนี้เอาไว้
แม้อาจจะนำผลงานศิลปะ มาไม่ครบทั้ง 1,500 ชิ้น แต่ผลงานศิลปะอันโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่เราจะเห็นอยู่ในโฉมใหม่แน่ๆ คือ “โลกุตระ” (ประติมากรรมคล้ายการไหว้ของคนไทย) ที่ตั้งอยู่หน้าศูนย์ประชุม “ศาลาไทย” (สถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณีภาคกลางตามธรรมเนียมช่างหลวง) “พระราชพิธีอินทราภิเษก” (ประติมากรรมไม้จำหลักนูนต่ำนูนสูงและกึ่งลอยตัวขนาดใหญ่ที่สุดภาพหนึ่งในศูนย์ฯสิริกิติ์) ที่จะถูกนำกลับมาเป็นองค์ประกอบสำคัญของศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในอีก 4 ปีข้างหน้านี้
ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ – 7 เมษายน 2562
Nora has been in the Corporate Communications arena for a number of years. Nora's role is to communicate all newsworthy items that are of a PR nature.
No comment