บล็อก

ใช้ชีวิตเหนือระดับใจกลางเมืองกรุงเทพฯ บนทำเลลุมพินี

14 มิถุนายน 2567

central-lumpini-972x1296

สัมผัสการอยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ บนทำเลลุมพินี ทำเลที่รวมหนึ่งใน ‘ที่สุด’ ของทุกองค์ประกอบ

หากจะกล่าวถึงทำเลใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครที่แท้จริง ก็คงต้องพูดถึงทำเลที่มีความเป็นมายาวนาน รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ร้านอาหารระดับพรีเมี่ยม สถานเอกอัครราชทูตหลากหลายประเทศ อาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A สวนสาธารณะ สถานพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำระดับประเทศ อีกทั้งยังสะดวกสบายในการเข้าถึงการเดินทางที่พร้อมทั้งรถไฟฟ้า BTS, MRT สิ่งสำคัญที่ทำให้ทำเลนี้ถือเป็นทำเลเดียวที่เป็นศูนย์กลางย่านยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง คือเชื่อมต่อทั้งสุขุมวิท สีลม สาทร และปทุมวัน ทำเลนี้จึงกลายเป็นทำเลที่น่าหมายตาของผู้คนทั้งในไทยและต่างประเทศ

central-lumpini-720x480

ทำเลที่มีครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัย และคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแท้จริง

เมืองที่ดีก็คู่ควรกับพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ‘สวนลุมพินี’ จึงเกิดขึ้นมา เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร ที่ก่อตั้งมาจะครบ 1 ศตวรรษในปีที่ 2568 ที่จะถึงนี้ โดยมีการปรับปรุงพื้นที่ให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลานกีฬาเอ็กสตรีม สวนผักคนเมือง พิพิธภัณฑ์สวนลุมฯ พร้อมสายไฟฟ้าลงดิน เพิ่มพื้นที่สีเขียว และพื้นที่รองรับกิจกรรมสมัยใหม่มากขึ้น ใจกลาง Prime Area ติดถนนพระราม 4 ถนนวิทยุ ถนนสารสิน และถนนราชดำริ รวมพื้นที่กว่า 360 ไร่ ที่มีผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนต่อวันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เปรียบได้กับ เซ็นทรัลพาร์ค ในมหานครนิวยอร์ก หรือ ไฮด์พาร์ค ในลอนดอน

แม้แต่อาคารสำนักงานให้เช่าและบริษัทระดับโลกก็มากระจุกตัวในทำเลนี้ จึงทำให้โซนนี้เปรียบเสมือน วอลล์ สตรีท มีอาคารสำนักงานที่สูงที่สุดในประเทศ อย่าง วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ และ โครงการขนาดใหญ่ในอนาคตที่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ประกอบด้วยอาคารที่สูงสุดในไทย อย่าง Signature Tower ในโครงการ วัน แบงค็อก

นอกจากนี้ โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อย่าง โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ก็กำลังจะเปิดส่วนของโรงแรมให้บริการในปีนี้ โครงการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจและเสริมสร้างชื่อเสียงให้ทำเลลุมพินีเป็นเหมือนหนึ่งในศูนย์กลางของกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเพิ่มมูลค่าที่ดินในทำเลนี้ได้อย่างมากอีกด้วย

ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมา ทำให้รอบ ๆ พื้นที่สวนลุมพินีเป็นที่นิยมของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงที่ผู้พัฒนาโครงการระดับ Super Luxury หลายแห่งจับจ้องเพื่อพัฒนาทั้งอาคารสำนักงาน เกรด A+ ศูนย์การค้า และเช่นเดียวกับที่พักอาศัย ในทำเลนี้ถือว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โครงการคอนโดมิเนียมสำหรับขายทั้งแบบ Leasehold มีราคาที่สูงกว่า 3 แสนบาทต่อตร.ม. หรือคอนโดมิเนียมสำหรับขายแบบ Freehold ที่แตะ 5 แสนบาทต่อตร.ม.ไปแล้ว ก็ต่างตั้งรายล้อมอยู่บนทำเลนี้เช่นกัน

central-lumpini2-720x480

จากข้อมูลของ CBRE Residential Transaction ปี 2566 พบว่า ที่พักอาศัยในทำเลนี้มีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่สูงที่สุด ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนถึง 33.46%* และอัตราการเติบโตฯ ถึง 13.68%* ต่อปี ในขณะที่ทำเลข้างเคียงอย่างสีลม-สาทร สุขุมวิท พระราม 3 มีผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 25-27%* และอัตราการเติบโตไม่เกิน 10% เท่านั้น ซึ่งทำให้ทำเลลุมพินีมีอัตราค่าเช่าของคอนโดระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ต่อเดือนสูงสุดถึง 1,415 บาทต่อตารางเมตร*

ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงทำให้ทำเลลุมพินีเป็นทำเลที่ติดหนึ่งในทำเลที่ราคาที่ดินสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
โดยเฉพาะบนถนนชิดลมและเพลินจิตที่ติดอันดับราคาประเมินที่ดินสูงที่สุดในกรุงเทพฯ อยู่เสมอ


แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมือง อัปเดตปี 2567

‘ถนนพระรามที่ 4’ เป็นถนนเส้นใหญ่ที่สุดที่มองเห็นวิวสวนลุมพินี และพาดผ่านจุดที่มีความสำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นย่านเยาวราช ถนนคนเดินที่แสดงเอกลักษณ์ของคนไทยเชื้อสายจีน ย่านหัวลำโพงทำเลเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ทำเลจุฬา-สามย่านที่ตั้งของสถานศึกษาชั้นนำของประเทศไทยอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และถนนวิทยุที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานระดับ World Class

ดังนั้น ทำเลที่มีศักยภาพที่สุดที่มองเห็นทั้งวิวของสวนลุมพินีได้แบบ Panorama ติดรถไฟฟ้าถึง 2 สาย (MRT สถานีสีลมและ BTS สถานีศาลาแดง) นั่นก็คือหัวมุมจุดตัดระหว่างถนนพระรามที่ 4 และถนนลุมพินี บนที่ดิน 360 ไร่ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ ‘Dusit Central Park’ (ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) ที่กำลังจะเปิดให้บริการในส่วนของ ‘โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ’ ในเดือนกันยายน ปี 2567 นี้

ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค

ดุสิต เซ็นทรัล พาร์คโครงการอสังหามิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ประกอบด้วยดุสิตธานี กรุงเทพ  เดอะ เรสซิเดนเซส แอท ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค  เซ็นทรัล พาร์ค และเซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส

ดุสิตธานี กรุงเทพ เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1970 ต้อนรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ได้มีการปรับปรุงเพื่อเตรียมเปิดตำนานบทใหม่ โดยสร้างกลุ่มอาคารมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มีทั้งโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ สูง 39 ชั้น ที่จากเดิมสูง 22 ชั้นและมีทั้งหมด 517 ห้อง เหลือเพียง 257 ห้อง โดยจะเน้นห้องกว้างขวาง โอ่อ่า เริ่มต้น 50 ตร.ม.ขึ้นไป ผ่านการออกแบบภายในอย่างประณีต จาก André Fu Studio สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของเอเชีย และการออกแบบสถาปัตยกรรมจากบริษัทสถาปนิก 49 (A49) หนึ่งในบริษัทสถาปนิกที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในประเทศไทยและ OMA Asia Hong Kong Limited สาขาของบริษัทสถาปนิกชั้นนำระดับโลก OMA (Office for Metropolitan Architecture)

โรงแรมได้ถนอมเก็บรักษาชิ้นงานศิลปะและของตกแต่งจากโรงแรมเดิมไว้ คงกลิ่นอายความเป็นไทย เลือกใช้การตกแต่งเพดานฉลุไม้สักและงานจิตรกรรมผนังจากศิลปินแห่งชาติที่เป็นสิ่งของล้ำค่าจากอาคารดั้งเดิม และเพิ่มนวัตกรรมใหม่เพื่อให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภายในประกอบด้วยพื้นที่จัดเลี้ยงกว่า 5,000 ตร.ม. ห้องแกรนด์บอลรูมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ ห้องอาหารและ Multiple Roof Top Bar พร้อมกับ Wellness Center ดูแลสุขภาพพร้อมกับการพักผ่อน

central-lumpini-dusit-residences-720

นอกจาก ‘ดุสิตธานี กรุงเทพ’ แล้วยังมี Branded Residences โครงการ The Residences at Dusit Central Park สองแนวคิดคอนโดพักอาศัยที่ไม่เหมือนใคร “ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์” เป็นอาคารพักอาศัยสูง 69 ชั้น 406 ห้อง แบ่งเป็นดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside) ที่ชั้น 9 – 29 โดดเด่นด้วยการออกแบบร่วมสมัย การตกแต่งเน้นบุคลิกทันสมัย ประณีตแต่มีชีวิตชีวา เน้นห้องชุดขนาด 1- 2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 55 – 146 ตารางเมตร ส่วน ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) ที่ชั้น 30 – 69 ได้รับการออกแบบขึ้นอย่างปราณีตสำหรับผู้ที่หลงใหลในสไตล์คลาสสิก เน้นความเป็นส่วนตัว โดยจะเน้นไปที่ห้องพักขนาดใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 2 - 4 ห้องนอน และเพ้นท์เฮ้าส์ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 118 – 900 ตารางเมตร มองเห็นวิวสวนลุมพินีเขียวชอุ่มเต็มตา พร้อมศูนย์การค้า (Central Park) และอาคารสำนักงานให้เช่า (Central Park Offices) รวมอยู่ในพื้นที่นี้ด้วย ซึ่งทุกอาคารสามารถมองเห็นวิวสวนได้โดยไม่บังวิวซึ่งกันและกัน Highlight อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ Roof Park ขนาดใหญ่กว่า 7 ไร่ หรือกว่า 11,200 ตร.ม. พื้นที่สีเขียวบนอาคารที่มีการเล่นระดับและล้อไปกับวิวสวนลุมพินีฝั่งตรงข้าม
 
การเปิดให้บริการของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค นั้นจะทำให้ทำเลนี้มีความคึกคักเพิ่มมากขึ้น เป็นเหมือนจุดหมายใหม่ใจกลางกรุงเทพให้ทุกคนได้มาสัมผัส โดยโครงการนี้ส่วนที่เป็นโรงแรมคาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนกันยายนปี 2567 นี้

‘วัน แบงค็อก’ โปรเจคยักษ์ใหญ่มูลค่ากว่าแสนล้านใจกลางเมือง

ที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่อยู่บริเวณมุมจุดตัดของถนนพระรามที่ 4 กับถนนวิทยุ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ตั้งโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่มูลค่าโครงการกว่า 1.2 แสนล้านบาท ‘วัน แบงค็อก’ (One Bangkok) บนพื้นที่ 108 ไร่ ที่กำลังจะสร้างเสร็จและเปิดใช้งานบางส่วนในปลายปี 2567 นี้ ภายในประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A จำนวน 5 อาคาร หนึ่งในนั้นเป็นอาคาร Signature Tower 65 ชั้น ที่อาจกลายเป็นอาคารสำนักงานที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์มอลล์ 3 แห่ง 3 คอนเซ็ปต์ ‘พาเหรด’ สูง 9 ชั้น แนวคิด Shop-Play-Work-Eat ให้เป็นพื้นที่สนุกสนานสำหรับทุกคนในครอบครัว ‘เดอะ สตอรี่ส์’ สูง 5 ชั้น แนวคิด Tell Your Own Story at The Storeys เน้นแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ยามค่ำคืน และ ‘โพสต์ ไนน์ทีน ทเวนตี้เอท’ สูง 5 ชั้น แนวคิด Go Beyond Luxury ที่รวมแบรนด์แฟล็กชิปสโตร์ระดับโลก แบรนด์แฟชั่น วอช แอนด์ จิวเวลรี่ และร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งชั้นนำจากทั่วโลก บนพื้นที่เช่ารวมกว่า 160,000 ตารางเมตร

พร้อมที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็น โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ อาทิ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ โรงแรม 5 ดาวระดับเวิล์ดคลาส  แอนดาซ วัน แบงค็อก โรงแรมสไตล์บูทีคที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว  เฟรเซอร์ สวีทส์ กรุงเทพฯ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์พร้อมบริการครบวงจร และคอนโดมิเนียมพักอาศัยสำหรับขายอีก 3 อาคาร ให้ได้ใช้ชีวิตบนไลฟ์สไตล์หรู บนถนนวิทยุ พร้อมวิวสวนลุมพินีและอาคารสูงใจกลางเมืองกรุงเทพฯ 

central-lumpini-one-bangkok

‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ (โอซีซี)’ อาคารสำนักงานที่สูงที่สุดในไทย ในปี 2567

ไม่เพียงแค่พื้นที่บนถนนพระราม 4 เท่านั้นที่น่าสนใจ ยังมีที่ดินบนถนนสุขุมวิทติดสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต ที่เป็นแหล่งใจกลางโซนธุรกิจของกรุงเทพ ที่สามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้ ก็เพิ่งจะเปิดตัวอาคารสำนักงานหรูให้เช่า เกรด A+ ที่มีความสูงมากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวน 61 ชั้นหรือกว่า 275 เมตร พื้นที่เช่า 61,000 ตร.ม. มูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท จาก บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน และบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด

วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ ผ่านการออกแบบจากบริษัทที่ปรึกษาและดีไซน์ระดับโลกคือ สกิดมอร์ โอวิงส์ และเมอร์ริล ไทยแลนด์ หรือ SOM Thailand ที่มีประสบการณ์สร้างอาคารสูงที่สุดในโลกมาแล้วมากมาย อาทิ อาคารเบิร์จ คาลิฟา ที่ดูไบ และอาคารวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ที่นิวยอร์ก โดยทำงานร่วมกับบริษัทดีไซน์ชั้นนำในไทย อาทิ ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล และแทนเดม อาร์คิเท็ค (2001) โดยมี Shma เป็นที่ปรึกษาด้านภูมิทัศน์ ดีดับเบิ้ลยูพี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาด้านการตกแต่งภายใน ได้รับการรับรองมาตรฐาน Fitwel ในระดับ 2 ดาว โครงการแรกในประเทศไทย

ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่าแล้ว วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ ยังเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ หรือสนทนาด้านธุรกิจรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก ผ่านพื้นที่ร้านค้า บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหาร รวมถึง Rooftop Destination ชั้น 58 และ 61 วิวสูงที่สุดใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แบบ Panorama พร้อมพื้นที่สีเขียวกว่า 5,000 ตร.ม. ที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร

central-lumpini-occ


‘เกษร อัมรินทร์’ ศูนย์การค้าใหม่ใน เกษร วิลเลจ

ถัดมาใกล้แยกราชประสงค์บนถนนเพลินจิต ‘เกษร อัมรินทร์’ ศูนย์การค้าหรูโฉมใหม่พึ่งเปิดให้บริการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นับว่าเป็นโปรเจคชิ้นสุดท้ายในกลุ่มอาคารมิกซ์ยูสของ Gaysorn Village ที่ประกอบไปด้วย 3 อาคาร เกษร ทาวเวอร์ (Gaysorn Tower) เกษร เซ็นเตอร์ (Gaysorn Centre) และเกษร อัมรินทร์ (Gaysorn Amarin) เชื่อมต่อกันด้วย Sky walk ซึ่งโปรเจคนี้เป็นการรีโนเวทอัมรินทร์พลาซ่า อาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล์ Postmodern ให้มีความทันสมัยและหรูหรามากยิ่งขึ้น รองรับการเป็นศูนย์การค้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Patek Philippe, Rolex, Tudo, PMT The Hour Glass รวมถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรในที่เดียว

ภายในแบ่งเป็น 3 โซน ‘Raynue’ พื้นที่ของการพบปะสังสรรค์ ให้เต็มที่กับอาหารและเครื่องดื่มจากเชฟที่มากประสบการณ์ ‘Forum’ พื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะ แฟชั่นโชว์และงานอีเวนต์ และ ‘The Urban’ พื้นที่รีเทลแห่งการแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจ โดยพื้นที่ชั้น 1 จะมีแบรนด์แฟชั่นหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาในแต่ละฤดูกาล และชั้น 3 เป็นพื้นที่สำหรับงานคราฟท์ จากศิลปินชั้นนำ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ให้คนรักงานศิลปะได้เพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่

central-lumpini-gaysorn-amarin-720


‘เซ็นทรัล ชิดลม’ โฉมใหม่

ขยับมาอีก 1 สถานีรถไฟฟ้าที่สถานีชิดลม เซ็นทรัล ชิดลม ห้างสรรพสินค้าดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2517 ได้มีการลงทุนปรับโฉมครั้งใหญ่ถึง 4,000 ล้านบาท มุ่งสู่การเป็นศูนย์การค้าระดับหรูที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนที่มีกำลังซื้อสูงในรูปแบบ One-Stop-Shopping ครบทุกหมวดหมู่ในที่เดียว สามารถเดินทางเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าได้เลยทั้งชั้น 1 และชั้น 2 มีการปรับขยายพื้นที่ส่วนกลางให้มีความกว้างขวาง บรรยากาศหรูหราสอดรับกับแบรนด์สินค้าระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Balenciaga, Bottega Veneta, Burberry, Celine, Chanel, Dolce & Gabbana, Fendi, Gucci, Louis Vuitton และอีกหลากหลายแบรนด์ รวมถึงมีการเพิ่มจำนวนร้านอาหารและคาเฟ่รวมกว่า 60 ร้าน พร้อมบริการผู้ช่วยชอปปิ้งส่วนตัว ห้องรับรองใหม่ และบริการที่จอดรถแบบดิจิทัล

ภายนอกมีการออกแบบ Façade ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของห้าง เซ็นทรัล ชิดลมอยู่แล้ว ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยใช้กระจกสีขาวขุ่นที่สามารถเรืองแสงและเปลี่ยนสีได้ในเวลากลางคืน ทำให้เป็นห้างสรรพสินค้าที่สดใส มีชีวิตชีวาอีกแห่งหนึ่งในยามค่ำคืนใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยเปิดเฟสแรกโซน Luxury และ Fashion ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคมปี 2567 นี้

ไม่แปลกใจเลย ที่โซนนี้กลายมาเป็นทำเลแห่งความ Ultra luxury ในประเทศไทย เป็นศูนย์กลางของธุรกิจอีกแห่งหนึ่งในเอเชียที่ไม่หลับใหล พร้อมไปด้วยการคมนาคมและอาคารสถาปัตยกรรมที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตของผู้คนมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ พร้อมสร้างความประทับใจไม่น้อยด้วยเอกลักษณ์วัฒนธรรมแบบไทย ๆ ทำให้ทำเลลุมพินีนี้ถึงแม้จะมีราคาที่อยู่อาศัยที่สูงติดอันดับในประเทศไทยแต่ก็มีคนที่ยังหาซื้อที่อยู่อาศัยอยู่เสมอ ไว้ทั้งอยู่เองและเพื่อการลงทุนในอนาคต

สนใจสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการบนทำเลใจกลางลุมพินี กรุณาติดต่อ ซีบีอาร์อี หรือ โทร +66 61 406 2999